วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

โปรแกรมประยุกต์

      
  ความหมายของโปรแรมประยุกต์
            โปรแกรมประยุกต์  คือ  โปรแกรมที่มีความสามารถจัดการกับงานเฉพาะด้านโดยตัวโปรแกรมจะเหมาะสมและใช้งานได้ดีกับงานเฉพาะนั้น ๆ  เท่านั้น  โปรแกรมประยุกต์เหล่านนั้น  เช่น  โปรแกรมไมโครซอฟเวิร์ด  โปรแกมไมโครซอฟต์เอกซ์เซล  โปรแกรมไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์  โปรแกรมประเภทเกมส์ต่าง ๆ เป็นต้น


             โปรแกรมประยุกต์หรือ applications เพื่่อนำมาติดตั้งในคอมพิวเตอร์ ช่วยเพิ่มความสามารถให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานหรือใช้ช่วยงานต่างๆ ได้มากขึ้น
โปรแกรมประยุกต์หรือแอพลิเคชัน (Application) เป็นโปรแกรมที่ทำงานเฉพาะทาง มีให้เลือก ใช้มากมาย แล้วแต่โปรแกรมเมอร์หรือผู้สร้างโปรแกรมจะสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานด้านใด
โปรแกรมประยุกต์มีทั้งโปรแกรมที่ต้องซื้อหรือให้ใช้ฟรี (Freeware) หรือเป็นโปรแกรมที่ให้ใช้ ได้เพียงบางส่วน (Shareware) หรืออาจเป็นโปรแกรมให้ทดลองใช้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Trial)
ตรวจสอบโปรแกรมในเครื่อง
     เมื่อติดตั้งโอเอส Windows XP หรือ Vista เสร็จแล้ว ถ้าคลิกปุ่ม Start>>All Programs ก็จะ พบว่ายังไม่มีโปรแกรมใดๆ จะมีก็แต่โปรแกรม Windows และโปรแกรมเสริมเท่านั้นซึ่งไม่สามารถใช้งาน จริงได้
     1. ยังไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมประยุกต์ลงไปจึงมีเพียงโปรแกรมเสริมของ Windows XP เท่านั้น
     2. ยังไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมประยุกต์ลงไปจึงมีเพียงโปรแกรมเสริมของ Windows Vista เท่านั้น

3. แต่ถ้ามีการลงโปรแกรมแล้ว รายชื่อโปรแกรมก็จะมีมากกว่าโปรแกรมมาตรฐานที่ถูกติดตั้งลง เครื่องพร้อมกับการติดตั้ง Windows XP หรือ Vista


ประเภทของโปรแกรมประยุกต์
สำหรับตัวอย่างโปรแกรมต่างๆ อาจแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของโปรแกรมได้ดังนี้
1. โปรแกรมด้านฐานข้อมูล เป็นโปรแกรมช่วยจัดการกับข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ การค้นหา การจัดเรียง การจัดทำรายงานจากข้อมูล ส่วนมากจะใช้โปรแกรมประเภทนี้เก็บข้อมูลสินค้า เก็บรายชื่อลูกค้า เป็นต้น ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้เช่น dBASE, Foxbase, Foxpro, Access, Oracle (dBASE , Foxbase, Access หรือ MySQL อาจใช้ในหน่วยงานที่มีขนาดเล็ก ส่วน Oracle, SQL จะใช้ในหน่วยงาน ที่มีขนาดใหญ่ มีสาขาทั่วประเทศ)
2. โปรแกรมด้านกราฟิก เป็นโปรแกรมสำหรับงานออกแบบกราฟิก ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ ออก แบบภาพ ออกแบบตัวหนังสือ โลโก้ เครื่องหมายการค้า รูปภาพสัญลักษณ์ต่างๆ ตัวอย่างโปรแกรมประเภท นี้ เช่น CorelDRAW, Illustrator, Freehand
3. โปรแกรมออกแบบภาพ 3 มิติ(3D) และสร้างภาพเคลื่อนไหวเป็นโปรแกรมสำหรับออกแบบ สิ่งของต่างๆ บ้าน รถ เครื่องใช้ ภาพที่ได้ค่อนข้างเหมือนจริงและอาจสร้างภาพเคลื่อนไหวสำหรับงานโฆษณา งานนำเสนอข้อมูล หรืออาจสร้างเป็นภาพยนต์ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้เช่น Auto CAD, 3D Studio, Light wave, Maya เป็นต้น
4. โปรแกรมด้านมัลติมิเดีย เป็นโปรแกรมสำหรับการสร้างงานประเภทมัลติมิเดียหรือสื่อที่ผสม กันหลายอย่าง มีทั้งภาพ สี เสียง ภาพเคลื่อนไหว ช่วยให้สื่อมีความน่าสนใจมากกว่าสื่อแบบอื่นๆ ส่วนมาก จะใช้ในการนำเสนอข้อมูล งานโฆษณา การสร้างโปรแกรมช่วยสอนวิชาต่าง ๆ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Authorware, Toolbook, Director, Flash
5. โปรแกรมด้านเสียงและการดนตรี เป็นโปรแกรมสำหรับนักดนตรี สามารถสร้างเสียง บันทึก เสียง ผสมเสียงเข้าด้วยกัน ปรับแต่งเสียง แต่งทำนองเพลงด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ตัวอย่างโปรแกรม ประเภทนี้ เช่น Sound Forge, Winamp, Real Audio, Cakewalk, Sound Recorder ฯลฯ
6. โปรแกรมด้านการสื่อสารเป็นโปรแกรมช่วยในการสื่อสารด้วยคอมพิวเตอร์ อาจเป็นการส่งอีเมล์ รับส่งแฟ็กซ์ รับส่งข้อมูล ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Winfax Pro, PC Anywhere
7. โปรแกรมด้านการพิมพ์เอกสารและจัดเตรียมเอกสาร เป็นโปรแกรมช่วยในการพิมพ์และจัด เตรียมเอกสารต่างๆ อาจจะจัดทำเป็นรายงาน หนังสือ บทความ ทำใบปลิว ประกาศ ตัวอย่างโปรแกรม ประเภทนี้ เช่น Microsoft Word, PageMaker, Microsoft Publisher
8. โปรแกรมด้านการตกแต่งภาพ เป็นโปรแกรมสำหรับงานตกแต่งภาพต่างๆ สำหรับนำไปใช้ ประกอบในหนังสือหรือปกหนังสือ โฆษณา ตกแต่งภาพถ่าย ตัวอย่าง โปรแกรมประเภทนี้ เช่น Photoshop, Corel Photo-Paint
9. โปรแกรมด้านงานคำนวณ เป็นโปรแกรมช่วยในการคำนวณ การคำนวณด้านภาษี สถิติ รายรับ รายจ่าย ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเงิน การธนาคาร งบดุล ฯลฯ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น MS. Excel, Lotus 1-2-3, Calc
10. โปรแกรมสำหรับสร้างโปรแกรมประยุกต์ เป็นโปรแกรมไว้สร้างโปรแกรมต่างๆ จากที่ได้ กล่าวมาแล้วข้างต้น กรณีที่คุณเห็นว่าการใช้งานต่างๆ ยังไม่ถูกใจ ก็อาจจะสร้างขึ้นมาเองให้ตรงกับความ ต้องการมากที่สุด ส่วนมากจะนำไปใช้สร้างโปรแกรมเฉพาะด้าน เช่น โปรแกรมด้านบัญชี การจัดเก็บข้อมูล โปรแกรมช่วยบริหารงานต่างๆ ตัวอย่าง โปรแกรมประเภทนี้ เช่น Visual Basic, C++, C, Pascal เป็นต้น
11. โปรแกรมสำหรับการนำเสนอข้อมูล เป็นโปรแกรมสำหรับงานนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นการราย งานข้อมูลในที่ประชุม การรายงานหน้าชั้นเรียน การบรรยายของวิทยากร ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น PowerPoint, Freelance Graphics, Impress
12. โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเซิร์ฟเวอร์ เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้บริการ อินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ต ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Linux, Appserv, IIS หรือ Apache
13. โปรแกรมตรวจฆ่าไวรัส เป็นโปรแกรมช่วยตรวจฆ่าไวรัส ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Norton Anti Virus, Macafee Virus Scan , Dr. Solomon, AntiVir, AVG
14. โปรแกรมสารพัดประโยชน์ เป็นโปรแกรมช่วยงานต่างๆ ตรวจซ่อมข้อมูล ซ่อมระบบ บีบอัด ข้อมูล ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Norton Utilities, Winzip ฯลฯ
15. โปรแกรมสำหรับระบบเครือข่าย เป็นโปรแกรมสำหรับใช้ในระบบเครือข่ายหรือระบบเน็ต เวิร์คคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Wingate, Ishare
16. โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ เป็นโปรแกรมสำหรับท่องอินเตอร์เน็ต ค้นหาข้อมูล ดูข้อมูลในเว็บ ไซต์ต่างๆ เช่น Internet Explorer, Firefox
การตรวจดูโปรแกรมประยุกต์ในเครื่อง
ลักษณะของโปรแกรมประยุกต์นั้นเป็นโปรแกรมที่ทำงานเฉพาะทาง ในแต่ละเครื่องจะมีอยู่ไม่ เหมือนกัน การตรวจดูว่าในเครื่องของคุณมีโปรแกรมอะไรอยู่บ้างนั้น อาจดูได้จาก2 วิธีนี้
1. ให้คลิกปุ่ม Start>>All Programs
2. จะปรากฏรายชื่อโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมา
3. โปรแกรมเหล่านี้จะต้องติดตั้งเพิ่มลงไปเอง และในแต่ละเครื่องก็จะไม่เหมือนกัน

ส่วนประกอบของโปรแกรมประยุกต์
โปรแกรมเสริมอาจแยกส่วนประกอบเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ก็คือ ตัวไฟล์หลักและไฟล์ประกอบ เช่น จากตัวอย่างด้านล่าง
1. เมื่อคลิกโฟลเดอร์ FileZilla ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Program Files
2. ไฟล์ที่มีนามสกุล EXE จะเป็นไฟล์หลัก อาจมีมากกว่า 1 ไฟล์ แต่จะมีไฟล์หลักของโปรแกรม เพียงไฟล์เดียว เช่น filezilla.exe ไฟล์หลักส่วนใหญ่จะตั้งชื่อตามชื่อโปรแกรม
3. เมื่อคลิก ปุ่ม Start>>Programs>>FileZilla และคลิกไอคอน FileZilla เพื่อเข้าโปรแกรม ก็จะเป็นการเรียกใช้งานไฟล์ filezilla.exe อีกทอดหนึ่ง ส่วนไฟล์ Uninstall.exe ไว้สำหรับถอดโปรแกรม FileZilla ออกจากเครื่อง
4. ในกรณีที่ชื่อโปรแกรมใน Start menu ถูกลบ ก็ยังสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้โดยดับเบิ้ล คลิกที่ไฟล์นี้ หรืออาจจะคลิกปุ่มขวาแล้วคลิกคำสั่ง Send To>>Desktop (Create Shortcut) เพื่อสร้าง ไอคอนไว้บนหน้าจอ ช่วยให้สะดวกในการเรียกใช้งาน
5. ไฟล์อื่นๆ จะเป็นไฟล์ประกอบการใช้งาน เช่น dll เป็นไฟล์ประกอบของโปรแกรม FileZilla ไฟล์ต่างๆ เหล่านี้ ต้องศึกษา และหมั่นสังเกตุก็จะรู้ว่าไฟล์ใดเป็นไฟล์หลักของเครื่อง อาจดูที่ ไอคอนโปรแกรม ก็พอจะเดาได้ว่าไฟล์ใดเป็นไฟล์หลัก

โปรแกรมประยุกต์แบบต่างๆ
1. Demo เป็นโปรแกรมให้ทดลองใช้งาน โดยจำกัดการใช้งานเช่น ให้ใช้งานได้ 30 วัน เป็นต้น
2. Shareware เป็นโปรแกรมให้ทดลองใช้งาน อาจไม่จำกัดว่ากี่วันถึงจะหมดอายุการใช้งาน แต่ จะตัดทอนความสามารถบางส่วนออกไป เช่น โปรแกรมวาดภาพ คุณสามารถวาดภาพใดๆ ก็ได้ แต่บันทึก เก็บไว้ไม่ได้ หรือพิมพ์ลงกระดาษไม่ได้ เป็นต้น
3. Freeware เป็นฟรีโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ โดยไม่ผิดกฏหมาย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
4. โปรแกรมลิขสิทธิ์ เป็นโปรแกรมเวอร์ชันเต็ม ใช้งานได้ทุกคำสั่ง แต่ต้องซื้ออย่างถูกกฏหมาย เป็นโปรแกรมที่มีความสมบูรณ์ใช้งานกับชีวิตจริงกับธุรกิจจริงได้

แหล่งค้นหาโปรแกรมมาใช้งาน

1. ซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์หรือโปรแกรมต้นฉบับของแท้
โปรแกรมที่ใช้กันส่วนใหญ่ จะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะโปรแกรมตัวจริงหรือซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ ราคาค่อนข้างแพงดูได้จากราคาที่ได้คัดลอกมาบางส่วน ตามกฏหมายจริงๆ แล้ว เมื่อซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ มาใช้งาน เงินที่ได้จ่ายเป็นค่าตัวคอมพิวเตอร์นั้นไม่เกี่ยวกับโปรแกรมในเครื่อง ต้องซื้อแยกต่างหาก เช่น โปรแกรม Windows Vista โปรแกรม
Office Word Excel Photoshop ฯลฯ ต้องซื้อแยกกัน ราคาทั้งหมด รวมๆ กันแล้ว แพงกว่าราคาคอมพิวเตอร์เสียอีก เลยเป็นที่มาของการใช้โปรแกรมผิดกฏหมาย เพราะแพงจริงๆ

การนำโปรแกรมไปใช้งานในบริษัทหรือหน่วยงาน ควรเลือกซื้อโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ซึ่งมี จำหน่ายหลายที่เช่น www.software.co.th หรือ www.thaiware.com หรือตามร้านหนังสือคอมพิวเตอร์ เช่น ซีเอ็ด

2. ฟรีโปรแกรมจากอินเตอร์เน็ตหรือนิตยสาร
ในนิตยสารคอมพิวเตอร์หลายเล่ม จะแถมแผ่นซีดีรวมฟรีโปรแกรมมาพร้อมหนังสือ หรืออาจไป ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต มีโปรแกรมให้ดาวน์โหลดเป็นแสนๆ โปรแกรมเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่ยังต้อง พัฒนาอีกมาก เพื่อให้เป็นโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้จริงๆ
ตัวอย่างเว็บไซต์ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมเช่น
1. www.download.com แหล่งรวมโปรแกรมมีให้เลือกทั้งฟรีและทดลองใช้งาน
2. www.thaiware.com แหล่งรวมโปรแกรมที่สร้างโดยคนไทย ราคาแบบไทยๆ มีให้เลือกทั้งฟรี และไม่ฟรี

โปรแกรมประยุกต์ที่นิยมใช้ในงานธุรกิจ


          ซอฟต์แวร์ประยุกต์(application software)        เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ฯลฯ

 4.1 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ทั่วไป

      ซอฟแวร์ประยุกต์ทั่วไป (general purpose software) เป็นซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับงานให้เหมาะสมกับลักษณะงานของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนอ เป็นต้น  1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ(word processing software) เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูล เรียกมาพิมพ์หรือแก้ไขใหม่ได้ การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำอีกมากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น วินส์เวิร์ด จุฬาจารึก โลตัสเอมิโปร

  2)ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน (spread sheet software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงานที่มีกระดาษขนาดใหญ่วางไว้ มีเครื่องมือคล้ายปากกา ยางลบ และเครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงานที่นิยมใช้ เช่น เอกเซล โลตัส


3)ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล (data base management software) การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล การรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์ เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บ การเรียกค้นมาใช้งาน การทำรายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น เอกเซส ดีเบส พาราด็อก ฟ๊อกเบส


4)ซอฟต์แวร์นำเสนอ (presentation software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดูดความสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น เพาเวอร์พอยต์ โลตัสฟรีแลนซ์ ฮาร์วาร์ดกราฟิก


5)ซอฟต์แวร์จัดการด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย

ซอฟต์แวร์จัดการด้านกราฟิกเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เหมือนกระดานหรือสมุดวาดเขียนที่ผู้ใช้สามารถสร้างภาพเขียนได้ และมีอุปกรณ์ที่ช่วยในการวาดรูป เช่น ปากกาช่วยวาดลายเส้น พู่กันระบายสี และยางลบช่วยลบลายเส้นหรือสีที่ไม่ต้องการได้นอกจากนี้สามารถนำแฟ้มข้อมูลที่เป็นรูปภาพที่ถ่ายโดยใช้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาแก้ไขตกแต่งได้ โดยซอฟต์แวร์จะมีเครื่องมือที่สามารถปรับเปลี่ยนความเข้มของแสง ปรับเปลี่ยนความแตกต่างของสีวัตถุในภาพ และสามารถตัดแปะองค์ประกอบของภาพหลาย ๆ ภาพ มาสร้างเป็นภาพใหม่ได้เหมือนการสร้างศิลปะ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนลักษณะของภาพ ลักษณะของสีให้มีพื้นสีแบบต่าง ๆ ได้ ซอฟต์แวร์จัดการด้านกราฟิกที่เป็นที่นิยม เช่น โปรแกรมโฟโทชอพ (PhotoShop) โปรแกรมเพนท์บรัช (Paint Brush) โปรแกรมเพนท์ชอพ (Paint Shop)
ซอฟต์แวร์จัดการด้านกราฟิกบางโปรแกรม   สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นำเข้าสแกนเนอร์   เพื่อจัดการนำเข้าข้อมูล  โดยแปลงข้อมูลรูปภาพให้เป็นข้อมูลแบบดิจิตอล และจัดเก็บข้อมูลในรูปของแฟ้มข้อมูลเพื่อนำมาแก้ไขต่อไป

4.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะงาน

                      ซอฟแวร์ประยุกต์เฉพาะงาน (application software for specific surpose) เป็นซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่งโดยเฉพาะ  ออกแบบและสร้างขึ้นโดยผู้ผลิตซอฟแวร์ที่มีความชำนาญในด้านนั้นๆ หรือพัฒนาโดยฝ่ายบุคากรฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กรก็ได้ โดยผ่านการวิเคราะห์ ออกแบบ ลงมือ สร้าง และทดสอบโปรแกรมให้สามารถทำงานได้ถูกต้องก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้งานได้เช่น โปรแกรมคำนวณภาษีของประชาชน เป็นต้น  1 )ซอฟต์แวร์สำหรับงานธุรกิจ(business software) การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์สำหรับงานธุรกิจมักจะเน้นการใช้งานทั่วไป เเต่อาจจะนำมาประยุกต์ใช้โดยตรงกับงานธุรกิจบางอย่างได้ เช่น กิจธนาคาร มีการฝาก-ถอน งานทางด้านบัญชี หรือในห้างสรรพสินค้า การออกใบเสร็จรับเงิน การควบคุมสินค้าคงคลัง ดังนั้นจึงมีการพัฒนาซอฟตืแวร์ใช้งานเฉพาะ สำหรับงานแต่ละประเภทให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย ซอฟต์แวร์สำหรับงานธุรกิจมักจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้พัฒนาต้องเข้าไปศึกษารูแบบการทำงานหรือความต้องการของธุรกิจนั้น แล้วจึงจัดทำขึ้นโดยทั่วไปจะเป็นซอฟตืแวร์ที่มีหลายส่วนทำงานร่วมกัน ซอฟตืแวร์ที่ใช้งานที่ใช้กันในธุรกิจ เช่น ระบบงานทางด้านบัญชี ระบบจัดจำหน่าย ระบบงานสินค้าคงคลัง ระบบงานบริหารการเงิน เป็นต้น


2) ซอฟต์แวร์อื่นๆ   ซอฟต์แวร์ประยุก๖์เฉพาะงานนอกจากจะเป็นซอฟต์แวร์สำหรับงานธุรกิจเเล้ว ยังมีซอฟต์แวร์อื่นๆ อีกเช่น โปรเเกรมช่วยค้นหาคำศัพท์ โปรแกรมเพื่อความบันเทิง เป็นต้น






















ที่มา :    http://bpm60725.blogspot.com/2014/07/blog-post.html
           http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/tech03/32/p7.html
           http://www.siamebook.com/lbro/operating-systems/49-02009/972-microsoft-office- 

           2007-installation.html